“เจตมูลเพลิงแดง”คือ“สมุนไพร”ที่มีสรรพคุณมากมาย หลายคนอาจรู้จักแล้วแต่ไม่รู้ว่าคือต้นนี้ เพราะบางพื้นที่เรียกไม่เหมือนกัน เช่น ภาคเหนือเรียก ปิดปิวแดง บางที่เรียกตั้งชู้โว้ หรือภาคอีสานบางที่เรียก ปิดปีแดง ทางใต้เรียกว่า ไฟใต้ดิน หรือในจังหวัดกาญจนบุรีและที่อื่นๆ รู้จักในชื่อ คุ้ยวู่

เจตมูลพลิงแดงเป็นไม้พุ่มล้มลุกขนาดเล็ก มีอายุหลายปี กิ่งก้านมักทอดยาว ยอดอ่อนเป็นสีแดง กลีบดอกมีสีแดงสด มีผลเป็นฝักกลม ทรงรียาว ยางจากรากเมื่อถูกผิวหนังจะทำให้ไหม้ พอง เหมือนโดนไฟจึงได้ชื่อว่า “เจตมูลเพลิง”
ตามภูมิปัญญาชาวบ้าน“ราก”ของต้นเจตมูลเพลิงสามารถใช้ประโยชน์ได้มากมาย โดยมีสรรพคุณ บำรุงธาตุ บำรุงโลหิต แก้ธาตุพิการ ช่วยย่อยอาหารเจริญอาหาร แก้ปวดท้อง แน่นจุกเสียด ขับลมในลำไส้ กระจายลม กระจายเลือด แก้พยาธิ ท้องร่วง แก้ริดสีดวงทวาร บำรุงเลือด ช่วยฟอกโลหิต ระงับอาการปวดฟัน แก้ตัวร้อน รักษาฝี แก้ปอดชื้น ปอดบวม ขับเหงื่อ แก้โรคผิวหนัง แก้ปวดศีรษะและรังแค
และคุณสมบัติสำคัญคือการต้านการเกิดของเนื้องอกโดยถือเป็น1 ใน 5สมุนไพรในตำรับยาแผนไทยที่เรียกว่า“พิกัดเบญจกูล”เป็นตำรับยาสำหรับใช้ปรับธาตุผู้ป่วยมะเร็งก่อนการรักษาด้วยตัวยาอื่น ประกอบด้วยผลดีปลี รากช้าพลู เถาสะค้าน เหง้าขิงแห้ง และรากเจตมูลเพลิงแดงที่มีการศึกษาพบว่าสารสกัดของยาแผนไทย์ตำรับนี้ มีประสิทธิภาพในการต้านมะเร็งปอดได้ โดยสารที่ออกฤทธิ์ที่ดีในเซลล์มะเร็งทุกชนิด เป็นสารสำคัญในรากเจตมูลเพลิงแดงนั่นเอง

สรรพคุณจากส่วนอื่นๆ คือ ลำต้น – ช่วยขับประจำเดือน แก้ปวดท้อง กระพี้ – แก้เกลื้อนช้าง แก่นของต้น – แก้ขี้เรื้อนกวาง แก้เรื้อนน้ำเต้า ดอก- แก้โรคที่ทำให้นาวและเย็น ลูก- แก้พยาธิผิวหนัง แก้ฝี
สูตรบรรเทาความเจ็บปวดจากมะเร็ง (ห้ามกินในขณะที่มีอาการเป็นไข้)
ส่วนผสม : รากเจตมูลเพลิง 1 ราก + น้ำซาวข้าว 1 ถ้วย
วิธีทำ : นำรากมาฝนกับหิน แล้วผสมกับน้ำซาวข้าว จนได้น้ำข้นขุ่น เพื่อดับพิษร้อน ประมาณ 1 ถ้วยกาแฟ
วิธีรับประทาน : ครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ (30 ซีซี) วันละ 2 เวลา เช้า-เย็น ก่อนอาหาร ประมาณ 3-7 วัน ตามอาการหนักหรือเบา

ข้อควรระวัง
1. ห้ามใช้ในสตรีระหว่างการตั้งครรภ์ เพราะจะทำให้มดลูกบีบตัว จนมีอาการแท้งได้
2. มีที่ทำให้ผิวหนังระคายเคืองอย่างแรง ทำให้ผิวหนังไหม้ เกิดตุ่มพองได้ หากใช้ในขนาดสูง จะกดการหายใจ เป็นพิษต่อไต ทำให้เป็นอัมพาตและเสียชีวิตได้ เนื่องจากระบบหายใจล้มเหลว การใช้สมุนไพรนี้จึงควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์แผนไทย
ขอขอบคุณ : fourfarm.com